วันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2557

2014 : The Babadook ปลุกปีศาจ

     The Babadook หนัง Horror, Thriller สยองขวัญแบบแนวออกจิตวิทยาโหด ๆ บอกมากเดี๋ยวจะกลายเป็นการสปอย.
     หนังเป็นแนวสยองแบบแปลก ๆ เหมือนจะผสมผสานความเป็นแนวจิตวิทยากับเรื่องผีเหนือจริง รึเปล่า อันนี้ต้องพิสูจน์เอง ส่วนผสมนี้จะออกแนวหลอน ๆ น้อยกว่าแบบจิตหลอน [แต่ผมไม่บอกหรอนะ ว่าที่จริงมันคืออะไร].
     ครึ่งแรกของหนังจะเป็นการประชันบทบาทระหว่างแม่กับลูกชาย ซึ่งไม่ได้มีแนวผีหลอกอะไรเลย แต่จะออกแนวจิต ๆ ซะมากกว่า เหมือนคุณดูเรื่อง Orphan เด็กนรกนั่นล่ะ เพราะไอ้เด็กคนนี้มันดู บ้า ๆ เกรียน ๆ นรก ๆ จริง ๆ กวนประสาทโดยแท้ ถ้าผมยืนอยู่ในหนังด้วย ผมอยากจะตบกะโหลกมันจริง ๆ [อุ๊ย ... โทษที ลืมตัว] นี่เเหล่ะ ผมว่าไอ้เด็กคนนี้แสดงดีมากเลย.
     ตัวแม่ก็พอกันครับ แรก ๆ ก็ดูนิ่ง ๆ ทน ๆ ดี จากนั้นเธอก็เกิดฟิวส์ขาด น็อตหลุด แสดงอารมณ์ออกมาได้สมบทบาทดีแท้ อยากจะปรบมือให้กับการแสดงจริง ๆ เก่งมาก ๆ ผมเผ้ารุงรังได้ที่ การแสดงออกทางสีหน้า กระทั่งผิวหน้ามีการกระตุก ๆ บ้างดูแล้วสมบทบาทของคนที่อยู่ให้ภาวะเครียดจริง ๆ ผมให้คะแนนเต็มด้านการแสดงของแม่ลูกคู่นี้เลย.
     ครึ่งหลังจะออกแนวจัดเต็ม ผมบอกรายละเอียดไม่ได้หรอก เดี๋ยวจะเป็นการสปอยซะเปล่า ๆ เอาเป็นว่ามีความมันส์ในช่วงท้าย ๆ พอสมควรทีเดียว แต่หนังไม่ได้โหดนะครับ แค่ทำให้เรากลัวและมีขนลุกในบางช่วง ไม่ใช่แนวตุ้งแช่ แต่ผมใช้คำว่า "จัดเต็ม" ดีกว่า ส่วนจะจัดมากน้อยแค่ไหน ก็เเล้วแต่ว่ามุมมองของแต่ละคน สำหรับผม คิดว่าเท่านี้ก็เพียงพอล่ะครับ.
     การที่หนังไม่ได้เน้นความเป็นแฟนตาซีเหนือจริงทำให้หนังยังพอเดินอยู่บนความสมเหตุสมผล นั่นทำให้หนังดูน่าเชื่อถือมากขึ้น ดูน่ากลัวแต่ไม่ได้หลอนมากมายอะไร ทำให้เรายังรู้สึกถึงความคุ้มค่าพอประมาณ.
     ความที่หนังไม่ได้สาธยายหรือบอกที่มาของ The Babadook ว่าเป็นมายังไง เป็นจุดอ่อนนึงที่ทำให้ความอินกับตัวหนังยังไม่ถึงที่สุด ถ้าหากสามารถเล่าที่มาของ The Babadook ได้ ผมว่าหนังเรื่ิงนี้จะน่ากลัวมากกว่านี้อีกเยอะ.
     ข้อดีของหนังคือ แม้ว่าจะไม่ได้เล่าที่มาของ TheBabadook แต่การดำเนินเรื่อง และการนำเสนอของหนัง ความเป็นศิลปะในการถ่ายทำ มุมกล้อง เสียงประกอบต่าง ๆ ผมว่าทำได้ดีเลย คือดูแล้วคิดตาม น่าติดตามตลอด ทั้ง ๆ ที่ดูรอบดึก ๆ ง่วงด้วย แต่ตลอดเวลาที่ดูหนังเรื่องนี้ กลับไม่ง่วงเลย ไม่มีหลุดโฟกัส ไม่มีช่วงที่เบื่อเลย... อีกอย่างคือความบ้า และอารมณ์ขันบางส่วนของหนังทำให้ผมหลุดหัวเราะมาหลายครั้ง จะกลัวรึจะฮากันแน่ บางทีมันก็ทำให้หนังน่าสนใจขึ้นเยอะ.
     ข้อคิดสำหรับหนังเรื่องนี้ยังจับอะไม่ได้ชัดเจน ที่เห็นก็แค่ความรักของแม่ที่มีต่อลูก อย่างเช่นตอนที่คนอื่นพูดถึงลูกตนว่า "เด็กคนนี้" แม่ก็จะสวนกลับไปว่า "เขามีชื่อนะ" ที่เหลือผมยังมองไม่เห็นข้อคิดใด นอกจากความบันเทิงจากการนำเสนอที่ดูไม่เบื่อจากต้นจนจบเรื่อง ... แต่คนที่ไปดูกับผม เขาไม่ชอบหนังแนวนี้หรือหนังที่ต้องคิดตาม บอกว่าเบื่อ ... แต่ละคนก็มองต่างกัน.
     ด้วยความบ้าและความกล้าของการนำเสนอหนังสยองแนวนี้ที่พยายามฉีกตัวเองให้แยกออกห่างจากหนังแนวเดียวกัน ถือว่าน่าสนใจและก็ทำออกมาได้ดีใช้ได้ ไม่ถึงกับสุดยอด แต่มีช่วงพีค และช่วงที่ดึงอารมณ์คนดูให้ลากมาสุดได้หลายช่วง ... ผมว่า ใช้ได้เลยนะ.
     คุณล่ะ ปิดประตูบ้านรึยัง ระวัง The Babadook จะไปหาที่บ้านนะ .








วันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557

2014 : Annabelle ตุ๊กตาผี

     Annabelle หนังผีเกี่ยวกับวิญญาณปีศาจร้ายที่แฝงอยู่ในตุ๊กตา เป็นหนังผีที่ทำออกมาได้เนิบจริง ๆ ... หนังเป็นเรื่องของสามีภรรยาคู่หนึ่ง ที่ภรรยาชอบสะสมตุ๊กตา วันหนึ่งสามีซื้อตุ๊กตามาให้ และแล้วเหตุการณ์ร้าย ๆ ก็เกิดขึ้นเรื่อย ๆ



     หนังดำเนินเรื่องได้ราบรื่น เรื่อย ๆ มีทิศทางไปข้างหน้า ไม่ว่อกแว่ก ไม่ติดขัด และที่สำคัญ ไม่สุดทาง.
     การแสดงของดารานำอยู่ระดับกลาง ๆ พระเอกนางเอก หน้าตาดี ดูสบายตา [เอ๊ะ เกี่ยวมั๊ยเนี่ย ... เอาน่า ก็ถู ๆ ไถ ๆ ไปครับ]



      หนังแนวนี้ปกติต้อง โหด สยอง ตกใจ เลือดสาด [บ้างก็ดี] หลอน หักมุม .... ผมว่าเรื่องนี้ทำไม่ถึงสักอย่าง คือมันเหมือนเราดูตัวอย่างเราก็ตกใจไปหมดแล้ว มากกว่าตัวอย่างมันไม่ได้น่ากลัวอะไรเลย [ผมเป็นคนกลัวผี ชอบดูหนังผี และที่สำคัญ ผมขวัญอ่อน]


     ตอนจบต้องหักมุมจบให้หลอน อันนี้คือความตั้งใจของผม และคิดว่าหลาย ๆ คนที่ชอบหนังผี หนังสยอง แบบนี้ [ย้ำนะครับว่าคนที่ชอบแนวนี้จริง ๆ] มันควรจะหลอน และหักมุมให้อึ้งกันไปเลย .... แต่ก็ "ไม่"



     หนังเรื่องนี้เหมาะกับคนที่ชอบดูหนังผีแบบไม่โหด ไม่เลือดสาด ไม่หลอน และไม่น่ากลัวมาก ... สำหรับฉากตกใจตุ้งแช่ เราก็จะได้เห็นหมดแล้วในตัวอย่าง ฉะนั้นอย่าได้ตั้งความหวังว่ามันจะมีฉากที่ทำให้ตกใจมากกว่านั้น.



     บทสรุปตอนท้ายมันทำให้ผมนึกถึงเรื่องของบท เฮ้ยยย ตอนต้นเรื่องหนังมีคำพูดดี ๆ เหมือนบทหนังจะดี แต่พอมาท้ายเรื่องกับบทสรุปแบบนี้ ผมว่ามันจบแบบง่าย ๆ เกินไป และขาดเหตุผลพอสมควรครับ
... แต่ถ้าถามผมว่าหนังน่าเบื่อไหม ผมว่า เกือบจะเป็นเช่นนั้น แต่ก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะเวลาที่เราดูแต่ละช่วง ๆ ที่ผ่านไป มันก็ยังมีความน่าติดตามอยู่ แต่มันเดินเรื่องแบบ เนิบ ... ตื่นเต้น แต่ไม่สุด ... เนิบ ... ตื่นเต้น แต่ไม่สุด ... เนิบ ... จะเป็นวัฏจักรแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนจบ





     สำหรับผม ที่ไม่ได้คาดหวังมาก รู้สึกค่อนข้างเสียดายเงิน และ เวลา ผมว่าหนังเหมาะที่คุณจะดูฟรีที่บ้าน อ้อต้องหาอะไรทำไปด้วยนะครับ เช่นกินข้าวไปดูไป ผมว่าจะคุ้มค่าที่สุด.
     หนังไม่ได้เลวร้ายอะไร เพียงแค่ไม่เท่ากับที่คิดไว้ เท่านั้นเอง ... สำหรับผม เรื่องนี้ ... "ยังไม่ผ่านครับ"